10 การทำนายปี 2022 สำหรับ Blockchain, Crypto Assets, DeFi และ NFTs จาก Frobes

ในปีที่แล้ว เป็นปีที่ Market cap ของทรัพย์สินดิจิทัลเพิ่มขึ้นถึง 3 ล้านล้านเหรียญเป็นครั้งแรก จากช่วงต้นปีที่มีเพียง 8 แสนล้านดอลลาร์ และเฉพาะ DeFi ของทาง Ethreum มีการล็อคเหรียญเพื่อทำฟาร์มไว้ถึง 1 แสนล้านดอลลาร์ ประกอบกับการพัฒนาของ metaverse และ GameFi ที่ไม่มีใครคิดว่าจะมีสิ่งเหล่านี้ในปี 2021 ลองมาทำนายกันว่าในปี 2022 จะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ทาง Forbes โดย Prof. Dr. Philipp Sandner ได้ทำนายไว้ 10 ประเด็นด้วยกัน

1. ราคาบิทคอย (Bitcoin) จะไปถึง 100,000 ดอลล่า และตลาดเหรียญดิจิทัลจะเติบโตมากขึ้น การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ทำให้ของที่มีอยู่อย่างจำกัดอย่าง Bitcoin น่าสนใจมากขึ้น Bitcoin ด้วยความที่ Bitcoin เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่โดดเด่นเพราะเป็นสกุลเงินดิจิทัลแรก และมีอยู่อย่างจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ การยอมรับในระดับสถาบันการเงิน ทำให้ความต้องการของ Bitcoin เพิ่มขึ้น และเป็นไปได้สูงมากที่ Bitcoin จะมีราคาเกิน $100,000 USD ในปีนี้ ตลาดสินทรัพย์ crypto โดยรวมก็จะเติบโตเช่นกัน ตั้งแต่ต้นปี 2021 Top 20 crypto มีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึงสามหลัก แน่นอนว่าการลงทุนในตลาดสินทรัพย์ crypto นั้นมีความเสี่ยงมากาจากความผันผวนของราคาที่สูง อย่างไรก็ตาม มันก็ยังดีกว่ากับดัชนีตลาดดัง ๆ เช่น MSCI World Index สูงกว่าที่เคยเป็นเมื่อต้นปี 2564 เพียง 17% และแนวโน้มราคาทองคำขณะนี้อยู่ในขาลง นอกจากนี้จำนวนที่อยู่กระเป๋าเงินคริปโตก็เพิ่มขึ้น เช่น ผู้ใช้งานรายเดือนของกระเป๋าเงิน MetaMask (ปัจจุบันมีผู้ใช้งานรายเดือน 10 ล้านราย) บ่งชี้ว่าโอกาสในการลงทุนคริปโตยังมีอยู่ และ DeFi ก็ให้ผลตอยทนที่สูงกว่าเงินฝากธนาคาร

2. อีทีเรียมอัพเกรดเสร็จ และยังเป็นผู้นำด้าน smart contract อยู่ Ethereum จะเสร็จสิ้นการเปลี่ยนผ่านไปสู่ proof-of-stake ในฤดูร้อนนี้ นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มว่าสถาบันการเงิน จะเข้าสู่ธุรกิจการ staking ผลตอบแทนจากการ staking อาจกลายเป็น “อัตราดอกเบี้ยหลัก” ของตลาดสินทรัพย์ crypto เนื่องจากความเสี่ยงต่ำในการ Stake ETH อาจโดยการ Staking ผ่านระบบของอีทีเรียม หรือผ่านผู้ให้บริการต่าง ๆ เช่น Coinbase หรือ Blockdaemon เป็นต้น ในแง่ของการพัฒนาราคา ETH ยังคงมีศักยภาพที่ดี เช่นเดียวกับโทเค็น Alt-L1 อื่นๆ แม้ว่าส่วนแบ่งของ DeFi และ NFT ที่ใช้ Ethereum จะลดลง แต่ Ethereum ยังคงมีปริมาณธุรกรรมที่ใหญ่ที่สุดอยู่

3. ทรัพย์สินดิจิทัลจะยังยืนมากขึ้น ผู้ให้บริการคริปโตจะเสนอสิ่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เนื่องจากการปล่อยคาร์บอนที่ค่อนข้างสูง การปล่อยมลพิษจะต้องซื้อคาร์บอนเครดิตเป็นเงิน 100 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับการถือ Bitcoin 1 ปี วิธีการทำงานของ Blockchain ก็ดูจะลดการใช้พลังงานลง บริษัททำเหมืองคริปโตเริ่มหันมาใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนมากขึ้น เช่น พลังงานความร้อนใต้พิภพหรือพลังงานแสงอาทิตย์

4. Web3 จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานของอินเทอร์เน็ตไร้ตัวกลาง Blockchain จะลดการพึ่งพาของบริษัทใหญ่ ที่คอยจ้องจะเก็บข้อมูลการใช้งานของเราเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่าง ๆ Web3 มีรากฐานมาจาก Blockchain ที่มีความกระจายศูนย์ รวมถึงการเก็บไฟล์แบบไร้ตัวกลาง เช่น Arweave และ Filecoin, decentralized wireless networksมการระบุตัวตนบนอินเทอร์เน็ตแบบใหม่ และโปรเจกอื่น ๆ ที่สร้างโดยคอมมูนิตี้ สกุลเงินดิจิทัลมีความสำคัญอย่างยิ่งในบริบทนี้

5. NFTs และ NFT Game จะเป็นแหล่งรายได้ใหม่ Metaverse เป็นแพลตฟอร์มเสมือนจริงที่ผู้คนสามารถทำงานติดต่อสื่อสารร่วมกันได้ เศรษฐกิจดิจิทัลเหล่านี้ยากที่จะจินตนาการได้หากไม่มี NFT จุดเปลี่ยน “GameFi” กับ Axie Infinity และการเปิดตัว Ronin sidechain ซึ่งทำให้มีปริมาณงานที่จำเป็นเพื่อให้ผู้เล่นที่แอคทีฟหนึ่งล้านคนเข้าร่วมในจักรวาล Axie Infinity ในเดือนสิงหาคม 2564 โดยเฉพาะในฟิลิปปินส์ Axie Infinity ที่พัฒนาโดย Sky Mavis ได้กลายเป็นแหล่งรายได้สำหรับหลาย ๆ คน

Microsoft และ Facebook ได้ประกาศว่าจะเข้าสู่ “metaverses” บริษัทยักษ์ใหญ่เหล่านี้จะพัฒนาระบบปิดบางส่วนแบบรวมศูนย์เป็นส่วนใหญ่ การเชื่อมไปที่อื่นจะทำได้ยาก ซึ่งขัดแย้งกับปรัชญาของ Web3 ซึ่งมุ่งเน้นไปในทางการกระจายศูนย์เทคโนโลยีบล็อกเชน

6. การเกิดของโลก Muti-chain คาดการณ์ได้ว่า Bitcoin จะยังคงเป็นบล็อคเชนอันดับ 1 และบล็อคเชนอันดับ 2 ของ Ethereum ในปี 2022 การอัพเกรดของอีทีเรียม จะทำให้ Leyer 1 มีค่าธรรมเนียมที่ถูกและเร็วขึ้น และสามารถติดต่อกับ Blockchain อื่นได้ผ่าน bridges and cross-chain protocols Polkadot และ Cosmos สามารถ มี Inter-Blockchain Communication Protocol เปรียบเทียบเหมือน Layer-0 ที่ทุกเชนสามารถติดต่อสื่อสารระหว่างกันได้ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นประโยชน์มาจาก Blockchain สาธารณะ

7. ความชัดเจนทางกฏหมายจะเพิ่มขึ้น ในปี 2022 คาดว่าหลายประเทศจะแถลงการณ์ว่าพวกเขาจะจัดการกับสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างไรในแนวทางที่ชัดเจนมากขึ้น อย่างเช่นจีนที่มีการแบน เอลซัลวาดอร์ซึ่งใช้ Bitcoin เป็นสกุลเงินอย่างเป็นทางการ คาดว่ายุโรปและอเมริกาเหนือกำลังมุ่งหน้าสู่เส้นทางที่ เป็นมิตรกับ crypto เช่น Bitcoin และ Ethereum โดยมีเงื่อนไขว่าต้องปฏิบัติตามกฎต่าง ๆ เช่น การป้องกันการฟอกเงิน การระบุตัวตนการทำธุรกรรม และภาษี

8. ยูโรดิจิทัล จะยังไม่มีใช้ในระดับใหญ่ European Central Bank (ECB) ไม่ได้มีแผนที่จะออก CDBC เหรียญ stable ของธนาคาร จนถึงปี 2026 เงินยูโรดิจิทัลจะมีอยู่แล้วในปีนี้สำหรับธนาคารพาณิชย์แห่งแรกในยุโรป ใช้สำหรับอุตสาหกรรมภาคการเงิน สกุลเงินในรูปแบบ Stable Coin จะเป็นเพียงโปรเจกนำร่องในปี 2022

9. การเข้ามาของนักลงทุนสถาบันและบริษัทใหญ่ นักลงทุนสถาบันและบริษัทใหญ่ให้ความสนใจกับทรัพย์สินดิจิทัลอย่างมากในปีที่ผ่านมา การมาของดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นทำให้หลายธนาคารเสนอผลิตภัณฑ์ทรัพย์สินดิจิทัล เช่น JP Morgan หรือ Goldman Sachs บริษัท Tech อย่าง Microstrategy และ Tesla ก็มีการถือ Bitcoins หลายพันล้าน เพื่อเตรียมรับมือกับเงินเฟ้อ

10. องค์กรไร้ตัวกลาง DAOs จะเป็นทางใหม่สำหรับระบบเศรษฐกิจและสังคม Decentralized Autonomous Organizations (DAOs) เป็นองค์กรที่อยู่บน Blockchain ที่มีผู้ใช้งานเป็นเจ้าของและมีส่วนร่วมในการตั้งกฎข้อบังคับได้ด้วยการโหวต DAOs สามารนำไปใช้ได้หลากหลาย เช่นการระดมทุน เป็นชุมชนทางสังคม บริหารทัพยากรมนุษย์ หรือ โครงการลงทุนร่วม จากข้อมูลของ Consensys ในระบบของ DAO 20 อันดับแรกมียอดลงทุนกว่ามีมูลค่า 14 พันล้านดอลลาร์สหรัฐและมีแนวโน้มสูงขึ้น. ตัวอย่างของ DAO ได้แก่ Syndicate MakerDAO ClimateDAO และ ConstitutionDAO ในปี 2022 DAO ใหม่จำนวนมากจะเกิดขึ้น เครื่องมือสร้าง DAO ช่วยให้ทุกคนสามารถสร้าง DAO เพื่อวัตถุประสงค์ใดก็ได้และ DAO จะอยู่ในขอบเขตของกฎหมาย

Notes: บทวิเคราะห์ที่เขียนมาจากข้อมูลที่ผู้เขียนเขียนขึ้นจากข้อมูล ณ เวลาที่เขียน และนี่ก็ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน และอย่าลืมทำการบ้านด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ

อ้างอิง

10 Predictions For Blockchain, Crypto Assets, DeFi, And NFTs For 2022