หากพูดถึงวิธีการในการเก็บรักษาเหรียญสกุลเงินดิจิทัล ของเรานั้น ก็จะพบว่ามีวิธีการเก็บรักษาที่แตกต่างกันออกไปหลายวิธีขึ้นอยู่กับความสะดวกในการใช้งานของแต่ละบุคคล
ซึ่งโดยส่วนมากจะมีแนวทางการเก็บรักษาอยู่หลัก ๆ 3 วิธี คือ
1. การเก็บใน Hardware wallet
2. การเก็บใน Software wallet
3. การเก็บในตลาดแลกเปลี่ยน (Exchange)
ซึ่งวันนี้จะมาอธิบายถึงความแตกต่างของแต่ละวิธีให้ได้เรียนรู้กัน
การเก็บใน Hardware wallet
Hardware wallet นั้นจะถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ของ Cold wallet ที่ไม่สามารถเข้าถึงและเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ ซึ่งสามารถพูดได้เลยว่ากระเป๋าแบบนี้เป็นระบบที่มีความปลอดภัยกับเงินดิจิทัลมากที่สุด
โดยตัว Hardware wallet นั้นจะมีการสร้าง Seed phrase ของตนเองในลักษณะแบบ offline ที่ไม่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตทำให้มีความปลอดภัยมาก และมีระบบระบบสุ่มตัวเลขอัตโนมัติ ที่สามารถสร้างทั้งกุญแจสาธารณะและกุญแจส่วนตัวได้
ถึงแม้จะมีความปลอดภัยต่อการโจรกรรมออนไลน์ แต่ข้อเสียก็คือความยุ่งยากในการเข้าถึง และหากเฟิร์มแวร์ในระบบทำงานได้ไม่ดีก็มีความเสี่ยงที่จะทำให้เงินสูญหายได้ ซึ่งควรมีการอัพเดทตัวเฟิร์มแวร์อยู่เสมอ Hardware wallet เหมาะกับนักลงทุนระยะยาวที่มีความมั่นใจในเหรียญที่ถือครองอยู่และปริมาณการเก็บสะสมเหรียญสูงและต้องการความปลอดภัยที่มาก
ซึ่งเราสามารถใส่ PIN และ Recovery phrase เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้มากขึ้นได้ โดยบางเหรียญที่ใช้ระบบฉันทามติแบบพิสูจน์การมีส่วนได้เสีย (Proof of Stake) ก็จะสามารถทำการ stake ผ่านตัว Hardware wallet ได้โดยตรง หากมีการรองรับเหรียญนั้น ๆ

การเก็บใน Software wallet
Software wallet นั้นจะถูกจัดอยู่ในหมวดหมู่ของ Hot wallet ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้โดยเหมาะสำหรับนักลงทุนระยะสั้นที่เน้นการซื้อขายแลกเปลี่ยนเพื่อเก็งกำไร กระเป๋าเหรียญที่มีอยู่ในระบบดิจิทัลสามารถแบ่งประเภทได้หลากหลาย ที่นิยมใช้กันก็จะมีหลัก ๆ ดังนี้
- Mobile wallet หรือกระเป๋าเหรียญบนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งจะเป็นแอพพลิเคชั่นที่มีฟังก์ชั่นในการอำนวยความสะดวกในการใช้งานมาก เพราะสามารถใช้งาน QR code ในการถ่ายโอนเหรียญได้ จึงเหมาะสมในการใช้จ่ายรายวัน และการแลกเปลี่ยนที่ต้องการความรวดเร็ว แต่เราต้องระวังมัลแวร์และไวรัสที่อาจแฝงเข้ามาใน Mobile wallet ของเราได้ ผ่านการกดลิงก์แปลกปลอม
- Web wallet เป็นกระเป๋าเหรียญที่อยู่บนเว็ปเบราว์เซอร์ มีจุดเด่นคือความสะดวกสบายในการเข้าถึง เพราะแค่เข้าหน้าเว็ปก็สามารถเข้าถึงกระเป๋าได้เลย โดยส่วนมากจะเป็นส่วนขยายของเว็ปเบราว์เซอร์ที่เราต้องไปกดเพิ่มเข้ามาด้วยตัวเองก่อน แต่กระเป๋าเหรียญดังกล่าวก็มีข้อเสียทางด้านความปลอดภัยที่เกี่ยวข้องกับมัลแวร์และไวรัสเช่นเดียวกัน และต้องระมัดระวังถึงการกรอก Seed phrase และรหัสผ่านของเรา ที่อาจมีความเสี่ยงต่อการโจรกรรมได้ ซึ่งก่อนทำธุรกรรมต่าง ๆ ควรเช็ค address ให้ดีก่อนว่าตรงกันกับที่เราต้องการโอนเหรียญไปหรือไม่
- Desktop wallet นั้นก็คือกระเป๋าเหรียญที่ทำงานอยู่บน desktop ของคอมพิวเตอร์ โดยเราจำเป็นต้องดาวน์โหลดไฟล์กระเป๋ามา ซึ่งไฟล์กระเป๋านี้จะมีหลายผู้ให้บริการขึ้นอยู่กับเราที่จะเลือกใช้ ไฟล์ตัวนี้เป็นแหล่งเก็บข้อมูลและกุญแจส่วนตัวที่ใช้สำหรับการเข้าถึงที่อยู่บนบล็อกเชน โดยควรตั้งรหัสผ่านสำหรับการเข้าถึงไฟล์ดังกล่าวเพื่อความปลอดภัย เพราะหากไฟล์เกิดการสูญหาย ก็จะทำให้หมดสิทธิ์ในการเข้าถึงที่อยู่ของเหรียญของตัวเอง วิธีป้องกันคือ ส่ง Seed phrase ที่เรามีหรือกุญแจส่วนตัวออกไปเก็บที่อื่น หรือเก็บแฟ้มข้อมูลสำรอง (backup file) เอาไว้ โดยวิธีการเก็บลักษณะนี้จะมีความปลอดภัยพอสมควร ซึ่งการเก็บรักษาไฟล์และคอมพิวเตอร์ของเราให้ปราศจากมัลแวร์หรือไวรัสก็เป็นหนึ่งในส่วนที่สำคัญเช่นกัน

การเก็บในตลาดแลกเปลี่ยน (Exchange)
การเก็บเหรียญในตลาดแลกเปลี่ยนนั้น ขอให้นิยามว่าเป็น Very hot wallet โดยเปรียบเสมือนการที่ให้บุคคลอื่นเข้ามาบริหารจัดการกุญแจทางการเงินของเราแบบเต็มตัว
ซึ่งส่วนมากจะเหมาะสำหรับนักลงทุนระยะสั้นที่มีการเก็งกำไรจากการซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญในช่วงที่มีความผันผวนของตลาด แต่เนื่องด้วยความเสี่ยงนี้เองจึงทำให้ผลตอบแทนในด้านต่าง ๆ มีเปอร์เซ็นต์ที่สูงกว่าการฝากและเก็บอยู่ใน wallet แบบอื่น เช่น การ stake เหรียญบน exchange นั้นจะให้ APR% หรืออัตราผลตอบแทนร้อยละต่อปีที่สูงกว่าการ stake บน Hardware wallet
ฉะนั้นแล้วทุกคนควรบริหารความเสี่ยงเงินของตัวเองด้วยวิธีการที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล โดยต้องพิจารณาก่อนว่าเราสามารถยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นกับเงินของเราได้หรือไม่ก่อนตัดสินใจเลือกวิธีการนั้น ๆ เพื่อจะได้ไม่ต้องมาเสียใจในภายหลัง
