ในปี 2022 เราคงได้รับข่าวสารเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากการพิมพ์เงินเพื่ออัดฉีดในช่วง COVID-19 และจากความต้องการของสินค้าและบริการหลังจากการ Lockdown COVID-19 นำไปสู่ความต้องการแรงงาน ที่ทำให้ค่าแรงเพิ่มและส่งผลต่อต้นทุนการผลิตในที่สุด ดังนั้นในปีนี้ (2022) จึงมีแนวโน้มที่สินค้าจะแพงขึ้นอีก และมีเงินเฟ้อในระดับสูงจนอาจกระทบกับการลงทุนของเราได้
1. ทองคำ (Gold)
ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่มีค่าเพิ่มขึ้นตามเงินเฟ้อ เพราะว่าเป็นทรัพย์สินที่มีอยู่จริง สามารถใช้สอยในเชิงอุสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องประดับ ในช่วงเงินเฟ้อทองคำจึงยังคงรักษามูลค่าของตัวมันเองไว้ได้และไม่ถูกเงินเฟ้อทำให้เสื่อมค่า สำหรับการลงทุนในทองคำนั้นอาจเลือกลงทุนเป็นทองคำแท่ง ตั๋วทอง กองทุนทองคำ หรือทองดิจิทัลบน Blockchain เช่น XAUt PAXG ที่สามารถนำไปทำ Farming ต่อได้ เช่น ที่ https://celsius.network/earn
2. สินค้าโภคภัณท์ (Commodities)
สินค้าโภคภัณท์ เป็นสินค้าที่เหมือนหรือกันทั่วโลก เช่น ข้าวสาลี, เหล็ก, ไฟฟ้า, น้ำมัน, น้ำตาล, น้ำส้ม, เนื้อหมู เป็นต้น เมื่อมีเงินเฟ้อนั่นหมายถึงราคาสินค้าเหล่านี้ก็จะปรับตัวตามอัตราเงินเฟ้อไปด้วย
3. อสังหาริมทรัพย์ Real Estate
โดยทั่วไปแล้วเมื่อเงินเฟ้อเพิ่มมากขึ้นจะทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นตาม การซื้ออสังหาในช่วงก่อนที่จะมีเงินเฟ้อจึงมีความน่าสนใจ แต่ข้อพึงระวังก็คือเงินเฟ้ออาจนำมาซึ่งความเสี่ยงในการเกิดภาวะฟองสบู่จนเราซื้อในราคาที่สูงเกินไปได้ และขายได้ยากในช่วงวิกฤตที่อาจเกิดขึ้น
4.ดัชนี S&P500
ในดัชนี S&P 500 มีทั้งหุ้น Tech และหุ้นสื่อสาร รวมกันประมาณ 35% ซึ่งในช่วงเงินเฟ้อหลายบริษัทมักต้องการเงินทุนเพื่อใช้ในการหมุนเวียนเพื่อให้อยู่รอด แต่ธุรกิจสองกลุ่มนี้ใช้เงินทุนที่ต่ำ จึงรอดจากช่วงเงินเฟ้อได้ง่าย
5.ตราสารหนี้จ่ายดอกเบี้ยแบบลอยตัว Floating Rate Bond
เป็นหุ้นกู้ที่อัตราดอกเบี้ยมีการเปลี่ยนแปลงได้ตามอัตราที่กำหนด เช่น อัตรา MLR+ 1% ทำให้เมื่อมีเงินเฟ้อที่ส่งผลต่ออัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้หรือตราสารหนี้ประเภทนี้จะมีผลตอบแทนปรับตามอัตราเงินเฟ้อนั้นด้วย
อ้างอิง
9 Asset Classes for Protection Against Inflation
Wells Fargo: Here’s The Best Asset To Own When Inflation Strikes
