Ethereum 2.0 ที่จะมาเป็น Ethereum Killer

Ethereum 2.0 คือการยกระดับของ Ethereum chain ไปอีกขึ้น ทั้งในเรื่องความเร็ว ประสิทธิภาพในการประมวลผลข้อมูล และหลักๆคือความสามารถในการปรับเปลี่ยนขนาดของเครือข่าย (scalability) ซึ่งจะส่งผลให้สามารถทำธุรกรรมได้มากขึ้น ลดความแออัดของธุรกรรมบนเครือข่าย และลดต้นทุนการทำธุรกรรม (gas) ที่สูงบนเครือข่ายแบบดั้งเดิม และหนึ่งในปัญหาของ Ethereum chain รูปแบบเก่าคือปัญหาคอขวด เนื่องจากความต้องการใช้งานระบบการเงินแบบกระจายอำนาจ (DeFi) และ Non-fungible tokens (NFTs) ที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้ Ethereum เจอกับปัญหาเรื่องการปรับเปลี่ยนขนาดของเครือข่าย ซึ่งปัจจัยหลักคือเกิดจากการที่มีแอปพลิเคชันที่ทำงานบนเครือข่ายและจำนวนผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระบบเกิดความแออัดในการทำธุรกรรม ส่งผลทำให้ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมพุ่งสูงมากขึ้นตาม หรือที่รู้จักกันว่าค่าแก๊สนั่นเอง

โดยดั้งเดิมจากการที่เครือข่ายของ Ethereum ใช้ระบบฉันทามติ (Consensus) แบบ Proof-of-Work (PoW) เพื่อตรวจสอบการทำธุรกรรมแต่ละรายการนั้น ทำให้ใช้เวลาและพลังงานในการประมวลผลสูง และเก็บข้อมูลได้อย่างจำกัด ธุรกรรมที่จ่ายค่าแก๊สสูงได้รับการตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมก่อน จึงทำให้ค่าแก๊สพุ่งสูงมากขึ้นตามนั่นเอง ซึ่ง Ethereum 2.0 จะเปลี่ยนระบบฉันทามติจากดั้งเดิมคือ PoW ไปเป็น Proof of Stake (PoS) ซึ่งเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นในการรักษาเครือข่ายโดยคำนึงถึงพลังงานเป็นหลัก ซึ่งจะมีอัลกอริธึมที่ใช้สร้างฉันทามติบนบล็อกเชน โดยผู้มีส่วนร่วมนั้นจะต้องทำการ stake เหรียญไว้ในระบบ และจะได้รับรางวัลตอบแทนเป็นเหรียญ สิทธิในการตรวจสอบธุรกรรม และการโหวตเพื่อสร้างแนวทางในการพัฒนา และอีกหนึ่งคุณสมบัติของ Ethereum 2.0 คือจะแบ่งหน่วยประมวลผลออกเป็น 18 Shards ที่จะมีการทำงานไปพร้อมกัน โดยจะเป็นกระบวนการแบ่งฐานข้อมูลแบบขนานไปพร้อมกับตัว chain หลักดั้งเดิม เพื่อกระจายการตรวจสอบธุรกรรมไปตาม node ต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้รองรับธุรกรรมได้มากขึ้น และรวดเร็วมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

ภายหลังการเปิดตัว Beacon chain ในปี 2020 หลังจากนั้นเรื่อยมา Ethereum ก็ได้มีการอัพเกรดอย่างต่อเนื่องเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับ Ethereum 2.0 ได้แก่ Berlin upgrade London upgrade และ Altair upgrade

  • Berlin upgrade – ปรับเปลี่ยนค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม และเพิ่ม EVM (Ethereum Virtual Machine) เพื่อเสริมการสนับสนุนในการทำธุรกรรมประเภทต่างๆให้หลากหลายมากขึ้น
  • London upgrade – ลดค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมใน Ethereum 1.0 ผ่าน EIP-1559 และธุรกรรมเฉพาะบางประเภท
  • Altair upgrade – การอัพเกรดครั้งแรกในการเชื่อมต่อกับ Beacon Chain ของ Ethereum หรือ “The Merge” ในการเตรียมยกเลิกฉันทามติแบบ PoW และเพิ่มการรองรับสำหรับ Sync Committees ซึ่งเป็นกลุ่มของผู้ตรวจสอบธุรกรรมในเครือข่ายทั้ง 512 รายนั่นเอง

โดยในปี 2022 นี้เองที่คาดว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่จะเป็นการนำพา Ethereum เข้าสู่ Ethereum 2.0 ที่เราควรจับตามองเป็นอย่างยิ่งถึงการอัพเกรดครั้งสำคัญนี้