“Metaverse” มีที่มาจากคำว่า “Meta” ที่มีความหมายว่า “เหนือกว่า” ผนวกรวมกับคำว่า “Universe” ที่มีความหมายว่าจักรวาล ความหมายโดยรวมคือ โลกหรือจักรวาลที่มีขอบเขตเหนือกว่าที่เรารู้จัก
โดยปรากฏครั้งแรกในนิยายวิทยาศาสตร์ชื่อดัง “Snow Crash” ของ Neal Stephenson ที่ถูกนำมาดัดแปลงเป็น TV movie ที่เป็นเรื่องราวของโลกในอนาคตที่มนุษย์เข้าไปอาศัยอยู่ในพื้นที่เสมือนจริงที่ถูกสร้างขึ้นมาและสามารถโต้ตอบกันได้ทั้งกับมนุษย์ด้วยกันเองและปัญญาประดิษฐ์ ซึ่งเป็นแนวคิดแรกที่สร้างแรงบันดาลใจในการสร้างโลก Metaverse
โดยแนวคิดของโลก Metaverse จะเป็นโลกที่เราสามารถที่จะใช้ชีวิตได้ในเมืองเสมือนจริงที่ถูกสร้างขึ้นมา สามารถปรับแต่งอวตารที่เป็นลักษณะของเราได้ มีระบบสกุลเงิน ค้าขายแลกเปลี่ยนกัน รวมไปถึงระบบอื่น ๆ ที่เปรียบเสมือนในชีวิตจริง
การเข้าถึงโลกใน Metaverse จะมีหลายช่องทางโดยจะขึ้นอยู่กับเครื่องมือ (Hardware) ที่เราใช้ในการเข้าถึง ซึ่งมีทั้ง เทคโนโลยีการนำโลกเสมือนผสานโลกแห่งความจริง (AR) เทคโนโลยีการจำลองสภาพแวดล้อมจริงและสภาพแวดล้อมจากจินตนาการ (VR) และการเข้าถึงผ่านเครื่องมือทั่วไป เช่น คอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน และแท็บเล็ต โดยประโยชน์ของ Metaverse จะมีประโยชน์มากมายหลายด้าน ทั้งการใช้พื้นที่ในการพบปะผู้คน เพื่อนฝูง ประชุมงานจากที่ห่างไกลกัน การซื้อขายแลกเปลี่ยนโดยที่ไม่ต้องเดินทางไปถึงสถานที่จริง การออกแบบโมเดลสามมิติเสมือนจริง การโปรโมทและโฆษณาสินค้า บริการต่างๆ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือการจำลองสถานการณ์ หรือสิ่งต่างๆที่เป็นไปไม่ได้ในโลกแห่งความเป็นจริงให้เป็นจริงขึ้นมาได้ใน Metaverse โลก Metaverse ในปัจจุบันที่เป็นที่รู้จักกัน ถูกสร้างขึ้นมาแล้วและกำลังถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อาทิ Roblox Decentraland และ Sandbox
ซึ่งความเคลื่อนไหวจากบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook และ Microsoft ที่ออกมาประกาศว่าจะทำการพัฒนาและผลักดันตัวเองเข้าสู่โลกของ Metaverse นับว่าเป็นความเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในการเปลี่ยนแปลงหน้าประวัติศาสตร์ของเทคโนโลยีที่จะเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของทุกคนในอนาคตไม่แพ้คอมพิวเตอร์ และสมาร์ทโฟน ที่จะทำให้ระยะทางไม่ใช่อุปสรรคในการติดต่อสื่อสารกันอีกต่อไป