ในระบบของ Blockchain นั้น การที่เราจะยืนยันสิทธิ์เพื่อเข้าถึงกระเป๋าใด ๆ จำเป็นจะต้องใช้สิ่งที่เรียกว่า “Private key” โดยบุคคลที่ถือครอง Private key อยู่นั้นจะสามารถทำอะไรกับกระเป๋านั้นๆก็ได้ เช่น การโอนเหรียญเข้า-ออก แต่ด้วยความที่ว่า Private key นั้นมีความยาว และจดจำได้ยาก หากจะทำธุรกรรมครั้งนึงคงเสียเวลาไม่ใช่น้อย แถมหากพิมพ์ผิดก็ต้องมาพิมพ์ใหม่อีกต่างหาก
ตัวอย่างของ Private key 60cf347dbc59d31c1358c8e5cf5e45b822ab85b79cb32a9f3d98184779a9efc2
ด้วยเหตุนั้น Private key จึงถูกเปลี่ยนให้มาอยู่ในรูปแบบของ Seed phrase ซึ่งจะเป็นชุดคำศัพท์จำนวน 12 หรือ 24 คำ โดยคำศัพท์เหล่านั้นจะต้องไม่มีความเกี่ยวข้องกันเพื่อป้องกันการคาดเดาของเหล่าแฮคเกอร์ ซึ่งจะถูกสร้างมาด้วยระบบสร้าง Seed phrase ของ Cryptocurrency wallet นั้น ๆ แต่ต้องมั่นใจว่าระบบสร้าง Seed phrase นั้นได้มาตรฐาน เพราะอาจมีความเสี่ยงต่อกระเป๋าของเราได้
เมื่อมีการยืนยันสิทธิ์เพื่อเข้าถึงกระเป๋า กระบวนการทางคอมพิวเตอร์จะเปลี่ยน Seed phrase ที่เรามีให้เป็น Private key โดยอัตโนมัติ เพื่อให้คอมพิวเตอร์สามารถเข้าใจได้
ตัวอย่างการเปลี่ยน Seed phrase เป็น Private key
“this is sparta” => 17d08f5fe8c77af811caa0c9a187e668ce3b74a99acc3f6d976f075fa8e0be55
และเนื่องด้วย Seed phrase นั้นสำคัญมากสำหรับกระเป๋าของเรา การเก็บให้ปลอดภัยจึงเป็นสิ่งที่ควรทำ โดยที่ไม่ควรเก็บให้อยู่ในรูปแบบของออนไลน์และดิจิทัล ควรจดในกระดาษแทน หรือหากกลัวเลือนลางหรือฉีกขาดเสียหายก็สามารถจดไว้ในรูปของ plate โลหะได้ และหากเคยมีการถ่ายภาพหน้าจอไว้แล้วนั้น ก็ไม่ควรใช้กระเป๋านั้นต่อไป ให้สร้างกระเป๋าใหม่และโอนเหรียญทั้งหมดไปกระเป๋าใหม่ในทันที เพราะรูปภาพของเราจะอยู่ในสถานะที่เป็น สาธารณะ (public) หากเราอนุมัติให้แอพพลิเคชั่นใดเข้าถึงรูปภาพของเรา ก็อาจถูกขโมยภาพนำไปใช้ได้ ซึ่งหากสูญเสีย Seed phrase แล้ว ก็เท่ากับว่าเราจะสูญเสียความมั่งคั่งของเราไปในทันที