อัตชีวประวัติ วิทาลิก บูเทอริน ผู้เปิดโลกไร้ตัวกลาง

หลายคนที่ติดตามเว็บนี้ก็อาจจะเคยใช้ DApp หรือ เล่น NFT Game หรือ GameFi มาบ้าง แต่ทุกคนอาจจะใช้มันจนเป็นเรื่องปกติ แต่มันจะไม่มีสิ่งเหล่านี้เลยถ้าเราไม่มีบล็อกเชนที่มีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถเขียนโปรแกรมหรือ Smart Contract สั่งงานระบบได้ ซึ่งมันพึ่งเกิดมาไม่นานนี้เองอาจจะมีอายุน้อยกว่าลูกของใครบางคนอีก โดยผู้ร่วมพัฒนาสิ่งนี้ขึ้นมาก็คือ “วิทาลิก บูเทอริน”

วิทาลิก บูเทอริน เป็นโปรแกรมเมอร์ลูกครึ่งรัสเซีย-แคนนาดา เขาเริ่มต้นเข้าสู่โลกแห่ง Blockchain ด้วยการเป็นนักเขียนเกี่ยวกับ บิทคอยด์ (Bitcoin) และได้เป็นผู้ร่วมพัฒนาโปรเจค อีทีเรียม (Ethereum) ที่เป็นบล็อคเชนแรกที่สามารถพัฒนาแอพ และโปรแกรมที่สามารถทำงานบนบล็อกเชนได้ ซึ่งปัจจุบันเรารู้จักกันในนาม DApp และ GameFi ที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน

ชีวิตในวัยเด็กของเขา เขาเกิดเมื่อวันที่ 31 มกราคม 1994 ที่เมือง โคโลมนา มอสโคว ออบลาส ประเทศรัสเซีย เขาใช้ชีวติในวัยเด็กอยู่ในรัสเซียถึงหกขวบ และหลังจากนั้นพ่อและแม่ของเขาตัดสินใจที่จะย้ายถิ่นที่อยู่ไปอยู่ที่แคนนาดาเพื่อหาโอกาศแห่งชีวิตการทำงาน

ตอนมัธยมต้นเขาถูกจัดให้อยู่ในโปรแกรมกิฟเต็ท และทำให้เขาเข้าใจความถนัดของตนเอง โดยเขานั้นมีความถนัดทางด้านคณิตศาสตร์และการเขียนโปรแกรม ประกอบกับความสนใจทางด้านเศรษฐศาสตร์ อันเป็นรากฐานของการพัฒนาไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ในอนาคต

วิทาลิก ชอบในการเล่นเกมส์ World of Warcraft เป็นอย่างมาก แต่ความสนุกในการเล่นเกมก็ได้ลดลงเมื่อ Blizzard ปรับการตั้งค่าเกมในตัวละครโปรดของเขา จึงทำให้วิทาลิกได้ตระหนักถึงการรวมศูนย์อำนาจไว้ที่บริษัทเดียว

ในวัยนักศึกษา วิทาลิกได้พบรักกับ Bitcoin ในปี 2011 ตอนแรกเขาก็มีความคลางแคลงใจ ว่าเงินลอย ๆ นี่จะมีมูลค่าได้อย่างไร แต่เมื่อเข้าได้ศึกษาจึงทำให้เขาอ้าปากค้าง เพราะเขาไปหาหมอฟัน อะ ไม่ใช่ หลังจากนั้นพ่อหนุ่มคนนี้ก็ได้ไปเขียนบทความเกี่ยวกับบิทคอยด์เพื่อแลกเศษบิทคอยด์เพียงแค่ห้าเหรียญต่อหนึ่งบทความ

ในเวลาเดียวกัน วิทาลิก ก็ได้ค้นควาเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบเศรฐกิจต่าง ๆ ทั้งทางเทคนิคและแนวคิด วันหนึ่งก็มีคนที่ชื่นชอบบิทคอยด์เหมือนกันติดต่อเขามาเพราะชื่นชอบในบทความของเขา และนำไปสู่การตั้ง Bitcoin Magazine ในปี 2011 เขาเขียน เดินทาง และทำงานเกี่ยวกับ crypto มากกว่า 30 ชั่วโมงต่อวัน (แต่ 1 วันมี 24 ชั่วโมง) และด้วยเหตุนี้เขาจึงตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัย (มาแนวนี้ทีไรรุ่งเรืองตลอด)

เมื่อออกจากหัวอกกรอบลู่ทางของมหาลัย เขาก็ร่อนไปทั่วโลกไปดูโปรเจคต่าง ๆ ตรงนู้นที่ ตรงนี้ที แผลบๆๆๆ แต่ก็ยังไม่ถูกใจสักอันเพราะมันทำมาเพื่อคนบางกลุ่มเท่านั้น หลังจากที่ดูมาหลายโปรเจก วิทาลิกก็เกิดไอเดีย ถ้าเกิดว่าเราเปลี่ยนภาษาโปรแกรมที่เราใช้รันบนคอมพิวเตอร์ให้สามารถรันบน Blockchain ล่ะ มันก็จะสามารถทำอะไรได้หลากหลาย ที่คอมพิวเตอร์สามารถทำได้ และนี่ก็เป็นที่มาของอีทีเรียม

เมื่อได้แนวคิดอันสุดยอด ในปี 2013 วิทาลิกก็ได้นำเสนอแนวคิดของอีทีเรียม ไว้ใน White paper และส่งไปให้เพื่อน ๆ ในกลุ่มของเขา กว่า 30 คนสนใจและมาร่วมปรับปรุงแนวคิด จนปี 2014 ทีมพัฒนาได้พบกับ การจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ (decentralized file storage) ทุกอย่างก็เริ่มต้นขึ้น

โปรเจคอีทีเรียมได้ประกาศสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกในปี 2014 โดยทีมหลักก็คือ Vitalik Buterin, Mihai Alise, Anthony Di Iorio, Charles Hoskinson, Joe Lubin และ Gavin Wood ทีมตัดสินใจที่จะจัดให้มีการเสนอเหรียญเริ่มต้น (ICO) ของ Ether ซึ่งเป็นโทเค็นดั้งเดิมของเครือข่าย Ethereum เพื่อเป็นทุนในการพัฒนา และ Vitalik เองก็ได้รับทุน Thiel Fellowship จำนวน 100,000 เหรียญสหรัฐ

โปรเจกนี้ระดมทุนมากกว่า 31,000 BTC จากการขาย (Ethereum) ETH ประมาณ 18 ล้านดอลลาร์ในขณะนั้น ทีม Ethereum ได้ก่อตั้งมูลนิธิ Ethereum ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรที่ตั้งอยู่ในสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งได้รับมอบหมายให้ดูแลการพัฒนาซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สของ Ethereum ความเรียบง่าย ความเป็นสากล ความคล่องตัว การไม่เลือกปฏิบัติการไม่เซนเซอร์ และการกระจายศูนย์ ก็นำมาซึ่งความสำเร็จของดีทีเรียมในปัจจุบัน

อ้างอิง

Vitalik Buterin: The man who co-created Ethereum

Vitalik Buterin (Wikipedia)

Vitalik Buterin Biography