เทคโนโลยีเครือข่ายในปัจจุบันนั้นได้มีความก้าวหน้าและถูกพัฒนาไปอย่างรวดเร็วกว่าแต่ก่อนเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นโลกของ Social network ต่าง ๆ ที่ทำให้เราสามารถติดต่อสื่อสารกันได้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น รวมไปถึงล่าสุดอย่าง Blockchain, Smart Contract และ Decentralized Finance (DeFi) ที่จะเข้ามาเปลี่ยนโฉมรูปแบบระบบการเงินของเรา มีการนำไปปรับใช้กับของสะสมต่างๆ ในหลากหลายรูปแบบ เช่น งานศิลปะ เพลง วิดิโอ โดยเรียกว่า Non-Fungible Token (NFT) โดยผู้ที่ซื้อไปจะมีกรรมสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของผลงานชิ้นนั้น ๆ (ownership) โดยสามารถนำไปใช้ต่อในรูปแบบใดก็ได้ และยังมีในกลุ่มของเกม เกิดเป็นเกมใหม่ขึ้นในระบบของบล็อกเชน ไม่ว่าจะเป็น Axie infinity (AXS), Crypto Bomb (BOMB) หรือแม้แต่แพลตฟอร์มที่รวบรวมเกมที่หลากหลายมาไว้ในที่เดียวอย่าง Gala Games (GALA) โดยจะมีผลตอบแทนเป็นเหรียญหรือโทเค็นต่าง ๆ ให้ผู้เล่นเป็นรางวัล
ซึ่ง Web 3.0 นั้นจะทำเทคโนโลยีในส่วนของบล็อกเชนนี้เข้ามาปรับใช้กับ World Wide Web หรือ Web ที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบันในอนาคตอันใกล้นี้ โดยก่อนจะไปถึงในส่วนนั้นเรามาทำความเข้าใจกับ Web 1.0 และ Web 2.0 กันก่อน
Web 1.0 นั้นจะเน้นไปที่การนำเสนอข้อมูลข่าวสารในรูปแบบของการสื่อสารทางเดียว (One-way Communication) มีลักษณะเป็นการสื่อสารที่ผู้ที่ต้องการสื่อ สามารถส่งเนื้อความในการสื่อสารได้เพียงฝ่ายเดียว โดยจะไม่ทราบหรือสนใจการตอบสนองของผู้รับสารว่าจะเป็นอย่างไร โดยผู้สร้างเนื้อหาจะกำหนดเนื้อหาให้แก่ผู้ใช้งาน ซึ่งผู้ใช้จะรับรู้ข้อมูลข่าวสารได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น และข้อมูลนั้นจะแก้ไขไมได้ เว้นแต่ว่าได้รับการอัพเดทจากทางผู้ที่สร้างเนื้อหาขึ้นมา ทำให้มีข้อกำจัดในหลายด้าน ทั้งในเรื่องของความล่าช้าของสื่อสาร รวมไปถึงความผิดพลาดของผู้สร้างเนื้อหา

Web 2.0 นั้นถูกพัฒนาให้มีการโต้ตอบกันได้อย่างอิสระในรูปแบบของการสื่อสารสองทาง (Two-way Communication) และข้อมูลข่าวสารสามารถอัปเดตได้ตลอดเวลา โดยผู้ใช้งานสามารถมีส่วนร่วมสรรค์สร้าง แก้ไข โดยเป็นได้ทั้งผู้สร้างและผู้บริโภคเนื้อหาในเวลาเดียวกัน เช่น การพูดคุยโต้ตอบกันบนสื่อ Social media มีปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานมากยิ่งขึ้น ทำให้มีข้อมูลมหาศาลเข้ามาสู่ระบบอินเทอร์เน็ต ทำให้ต้องมีตัวกลางอย่างอย่าง Google, Facebook, Twitter ฯลฯ มาเป็นตัวกลางในการคอยดูแลจัดการข้อมูลทั้งหมด ให้เราและเชื่อมต่อข้อมูลของบุคคลต่าง ๆ เข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ แต่การมีตัวกลางเข้ามาดูแลข้อมูลส่วนตัวของเรา ก็มีข้อเสียคือตัวกลางเหล่านี้สามารถนำข้อมูลส่วนตัวของเราไปแสวงหาผลประโยชน์ได้ในหลาย ๆ ด้าน เช่น การโฆษณา การส่งต่อข้อมูลให้หน่วยงานของรัฐ ซึ่งปัญหานี้เป็นสาเหตุหนึ่งในการพัฒนาไปสู่แนวคิดของ Web 3.0 โดยจะเป็นการลดบทบาทของตัวกลาง และมอบสิทธิในข้อมูลให้กับผู้ใช้งาน

Web 3.0 จากการอ้างอิงข้อมูลจาก Web 3.0 Foundation ว่า Web 3.0 นั้นจะเป็นรูปแบบอินเทอร์เน็ตในอนาคตที่จะไม่มีเซิร์ฟเวอร์คอยเก็บข้อมูลอีกต่อไป แต่จะอยู่ในรูปของเป็นเว็บไซต์ที่มีการกระจายอำนาจ และให้ผู้ใช้งานทุกคนสามารถช่วยกันควบคุม ดูแล และตรวจสอบความถูกต้องข้อมูล การระบุอัตลักษณ์ของแต่ละบุคคล ซึ่งจะทำให้เราสามารถกำหนดแนวทางของเราเองได้ โดยจะมีชุดเทคโนโลยีขององค์กรที่ใช้ในการสร้างเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันบนอุปกรณ์เคลื่อนที่ (Technology Stack)
